เมนู

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น หลายบทว่า สพฺเพ สงฺขารา เป็นต้น ความ
ว่า เมื่อใดบัณฑิตย่อมเห็นด้วยวิปัสสนาปัญญาว่า " ขันธ์ทั้งหลายที่เกิด
ขึ้นแล้วในภพทั้งหลายมีกามภพเป็นต้น ชื่อว่าไม่เที่ยง เพราะต้องดับใน
ภพนั้น ๆ เอง," เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์อันเนื่องด้วยการบริหารขันธ์
นี้, เมื่อหน่ายย่อมแทงตลอดสัจจะทั้งหลาย ด้วยสามารถแห่งกิจ มีการ
กำหนดรู้ทุกข์เป็นต้น.
บาทพระคาถาว่า เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา ความว่า ความหน่ายใน
ทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด คือแห่งความผ่องแผ้ว.
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นตั้งอยู่ในพระอรหัตผลแล้ว. เทศนา
ได้สำเร็จประโยชน์แม้แก่บริษัทที่ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล.

เรื่องภิกษุ 500 รูปอื่นอีก จบ.


แม้ในพระคาถาที่ 2 เรื่องก็อย่างนั้นเหมือนกัน. ก็ในกาลนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบความที่ภิกษุเหล่านั้น ทำความเพียรในอัน
กำหนดสังขารโดยความเป็นทุกข์แล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ขันธ์แม้
ทั้งปวง เป็นทุกข์แท้ เพราะอรรถว่าถูกทุกข์บีบคั้น" ดังนี้แล้ว จึงตรัส
พระคาถานี้ว่า:-
สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

" เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ' สังขาร
ทั้งปวงเป็นทุกข์,' เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความ
หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด."